วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

รวมทิปแก้ปัญหาปริ้นเตอร์

รวมทิปแก้ปัญหาปริ้นเตอร์

งานพิมพ์มีรอยขีดเล็กๆ เป็นระยะๆ
หากคุณสั่งพิมพ์เอกสารออกมาแล้วพบว่ามีรอยขีดเส้นเล็กๆ อยู่ที่ขอบกระดาษด้านใดด้านหนึ่งเป็นระยะๆ ละก็ ให้สันนิษฐานก่อนว่าสาเหตุมาจาก Roller หลักที่อยู่บนเส้นทางเดินกระดาษมีคราบสกปรก ถ้าตรวจแล้วไม่พบให้ลองตรวจสอบที่ตลับโทนเนอร์ว่ามีการชำรุดหรือไม่? บ่อยครั้งที่พื้นผิวของดรัมในโทนเนอร์มีรอยเล็กๆ ทำให้เวลาพิมพ์เอกสารร่องรอยตำหนินั้นจึงติดลงบนกระดาษด้วย อย่าลืมตรวจสอบชนิดของกระดาษที่คุณใช้ด้วยเช่นกัน

ตัวหนังสือที่หายไปบนผืนกระดาษ
ปัญหานี้พบได้บ่อยๆ ครับ งานพิมพ์ที่มีตัวหนังสือหายไปเป็นช่วงๆ หรือฟอนต์ช่วงล่างขาดหายไปเป็นระยะๆ ข้อสันนิษฐานแรกให้มุ่งเป้าไปที่ผงหมึกในตลับอาจกำลังจะหมด หน้าสัมผัสของชุดลำเรียงกระดาษอาจมีคราบสกปรก รวมทั้งตลับโทนเนอร์เองอาจมีเศษผงหมึกเป็นคราบเลอะอยู่ อย่าลืมเช็กดูที่ Printer Properties ว่าคุณไม่ได้อยู่ในโหมดการพิมพ์แบบ Eco Mode ด้วย

สั่งพิมพ์ได้แต่ดันกลายเป็นเส้นๆ
เคยเห็นงานพิมพ์ ที่มีแต่เส้นยาวๆ เป็นระยะๆ บนหน้ากระดาษบ้างไหมครับ ถ้าเคยละก็ ตลับหมึกของคุณใกล้หมดแล้ว นอกจากนี้สาเหตุอาจมาจากองค์ประกอบทางฮาร์ดแวร์ด้วย เช่น พื้นผิวของดรัมชำรุดหรือมีสิ่งสกปรก ชุด Fuser Film มีคราบหรือมีอะไรไปติดอยู่ รวมไปถึงมีสิ่งบดบังกระจกสะท้อนแสงในชุด Scanner ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องการทำความสะอาดโดยด่วนครับ

มีจุดไข่ปลาที่ขอบกระดาษด้านบนและล่าง
งานพิมพ์โอเค ตัวหนังสือไม่หลุด กระดาษไม่เลอะเศษหมึก แต่บริเวณด้านบนและด้านล่างดันมีจุดไข่ปลาเกิดขึ้นซะนี่ สาเหตุของปัญหาที่ว่านี้มาจากองค์ประกอบของฮาร์ดแวร์เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นตัว Transfer Roller ขัดข้องหรือชำรุด แผงวงจร Formatter PCA เกิดความบกพร่อง ซึ่งอาจรวมไปถึงแผงควบคุมการจ่ายไฟ DC มีปัญหาเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน ตรงนี้คงต้องส่งศูนย์ซ่อมอย่างเดียวแล้วละครับ

มีเส้นทับตัวหนังสือตลอดทั้งแนว
ปัญหานี้เชื่อว่าหลายคนคงเคยเจอมารบ้าง นั่นคืองานพิมพ์มีเส้นยาวๆ ทับตัวหนังสือตลอดทั้งแนว และบางทีก็ทับตัวหนังสือทุกบรรทัดด้วย สาเหตุให้มุ่งเป้าไปที่ความสกปรกเป็นหลักครับ ตรวจสอบ Roller หลักที่เป็นตัวป้อนกระดาษและตัวที่อยู่ในเส้นทางเดินกระดาษว่ามีคราบสกปรก อยู่หรือไม่? หรือมีรอยขีดข่วนบนพื้นผิวด้วยหรือไม่ และอย่าลืมสำรวจตลับโทนเนอร์ด้วยว่าถูกติดตั้งอย่างถูกต้องหรือลงล็อกดีแล้ว หรือยัง?

งานพิมพ์สีซีดจางผิดปกติ
ถ้าบังเอิญคุณสั่งพิมพ์เอกสารออกมาแล้วเห็นว่าสีซีดจากผิดปกติละก็ อันดับแรกตรวจสอบดูว่าคุณตั้งค่าการพิมพ์ในโหมดประหยัดหรือไม่ บางทีอาจมีใครไปปรับเล่น อย่างที่สองตลับหมึกใกล้หมดแล้วหรือยัง ตรงนี้อาจจะเป็นสาเหตุหลักก็ได้ครับ และอย่างที่สามตรวจสอบดรัมว่ามีอะไรไปติดขัดหรือไม่ เพราะถ้าระบบไม่ดูดผงหมึกออกจากดรัมหรือดูดอกไม่ได้ ก็ทำให้งานพิมพ์ออกมามีสีซีดจางแน่ๆ

งานพิมพ์ออกมาเบลอสีผิดเพี้ยน
อาการแบบนี้มีหลายสาเหตุเช่นกัน ถ้าวิเคราะห์ง่ายๆ ก็ตั้งแต่กระดาษผิดประเภท หรือมีความชื้นที่กระดาษมากเกินไป ชุดฟีดกระดาษออกหลังพิมพ์กินเนื้อหมึกเข้าไปในลูกกลิ้ง ตรงนี้อุปกรณ์อาจจะเสื่อมสภาพก็ได้ครับ ส่วนที่ลึกกว่านี้ก็มีชุดควบคุมเลเซอร์ขัดข้อง รวมทั้งตัวขับเคลื่อนหรือมอเตอร์และฟันเฟืองต่างๆ ทำงานสะดุด ซึ่งจะส่งผลให้กระดาษที่กำลังฟีดเข้าไปอาจอยู่ผิดตำแหน่งหรือเลื่อนออกจาก ตัวป้อนกระดาษได้เช่นกัน

งานพิมพ์ขาวสะอาดแต่ด้านหลังกระดาษสกปรก
อย่าเพิ่งรีบร้อนเอางานพิมพ์สำคัญของคุณส่งให้หัวหน้าหรือลูกค้าดู ถ้าคุณยังไม่ได้พลิกกระดาษกลับไปดูดด้านหลังเพราะมันอาจเปรอะเปื้อนไปด้วย เศษผงหมึกก็เป็นได้ ปัญหาแบบนี้มักไม่ค่อยมีใครสังเกตเห็นกันครับ ให้คุณทำความสะอาดตั้งแต่ถาดรองกระดาษ ตัวฟีดกระดาษเข้าออก หรือตามลูกกลิ้งต่างๆ ที่อาจมีผงหมึกติดเป็นคราบฝังตัวอยู่

งานพิมพ์มีสีเข้มเกินกว่าเหตุ
พอเจอปัญหาหมึกจางไปแล้ว คราวนี้ก็มาลองเจอกับงานพิมพ์ที่มีเส้นเข้มเกินไปดูบ้างครับ สาเหตุหลักๆ ของปัญหานี้มาจาก ส่วนที่สัมผัสกับกระดาษเกินไป ต้องเช็กดูที่ดรัมว่ามีอะไรขัดข้องอยู่หรือไม่ รวมทั้งองค์ประกอบสำคัญอย่างแผงควบคุม Laser Scanner ที่อาจมีปัญหาในระหว่างสั่งพิมพ์ ซึ่งถ้ามีการอ่านค่าผิดเพี้ยนก็อาจมีปริมาณผงหมึกที่มากเกินความจำเป็นถูก ส่งออกไปยังแผ่นกระดาษ

ตัวหนังสือบิดๆ เบี้ยวๆ
งานพิมพ์ที่มีตัวหนังสือบิดๆ เบี้ยวๆ หรือแม้แต่กระดาษม้วนงอตอนเครื่องฟีดกระดาษออกมา ให้ตรวจสอบดูว่าคุณป้อนกระดาษถูกชนิดที่เครื่องพิมพ์รองรับหรือไม่? โดยเฉพาะห้ามนำกระดาษโฟโต้ หรือกระดาษมันวาวต่างๆ ที่ใช้กับเครื่องอิงค์เจ็ตมาใส่โดยเด็ดขาด นอกจากนี้ถ้าอากาศรอบหรือในห้องที่วางเครื่องพิมพ์มีความชื้นหรือร้อนจนเกิน ไป ก็อาจส่งผลให้ระบบพิมพ์ต่างๆ ทำงานผิดเพี้ยนได้เช่นกัน ให้ลองไล่เช็กทีละจุดดูนะครับ

ภาพบนหน้ากระดาษเป็นรอยเหลื่อมกัน
ปัญหานี้นอกจากภาพก็อาจรวมไปถึงตัวหนังสือที่ปรากฏอยู่บนงานพิมพ์ด้วยนะครับ อย่างแรกเลยก็คือ หากตอนวางกระดาษมีการบีบอัดหรือเฉียงไม่ตรงช่อง ตอนที่ระบบฟีดกระดาษเข้ามาพิมพ์นั้น แน่นอนว่ากระดาษย่อมอยู่ในตำแหน่งที่เหลื่อมหรือไม่ตรงร่องด้วย ทำให้ภาพหรือตัวหนังสือเหลื่อมทับกันหรือเส้นต่างๆ ที่ปรากฏก็จะไม่ตรงด้วย โดยเฉพาะตารางจะเห็นได้อย่างชัดเจน ดังนั้น เวลาป้อนกระดาษเข้าให้ตรวจสอบด้วย

ช่องว่างที่หายไปบนหน้ากระดาษ
บางครั้งคุณอาจเจอกับช่องว่างเล็กๆ ที่หายไปบนภาพ ตัวหนังสือ หรือเส้นต่างๆ ซึ่งบริเวณที่หายไปจะไม่มีหมึกติดอยู่เลย การตรวจสอบแรกให้ดูว่ากระดาษแผ่นนั้นมีความเรียบเสมอกันหรือไม่ หรือเป็นกระดาษพิเศษที่เครื่องพิมพ์ไม่รู้จักหรือเปล่า? ลองสั่งพิมพ์ใหม่ด้วยกระดาษแผ่นใหม่ ถ้ายังไม่หายละก็ ชุด Transfer Roller อาจเกิดขัดข้องหรือมีปัญหาในระหว่างที่สั่งพิมพ์ ตรงนี้อาจจะร้องเรียกช่างมาดูให้ครับ

สั่งพิมพ์เอกสารแต่ได้หน้ากระดาษเปล่า
หากคุณสั่งพิมพ์เอกสารแต่ได้หน้ากระดาษเปล่าๆ ออกมา อันดับแรกให้ตรวจสอบดูว่าเครื่องพิมพ์มีการฟีดกระดาษออกมาหลายแผ่นหรือไม่ เพราะหากกระดาษติดกันออกมาเยอะๆ แผ่นที่ติดตัวหนังสืออาจจะไม่ใช่แผ่นกระดาษเปล่าแรกที่หลุดออกมา นอกจากนี้ถ้าคุณซื้อเครื่องใหม่ อย่าลืมดึงแผ่นพลาสติกที่ปิดโทนเนอร์ออกด้วยไม่อย่างนั้นเวลาพิมพ์ระบบจะดูด หมึกออกมาจากดรัมไม่ได้แน่ แต่ถ้าอาการรุนแรงกว่านั้นก็เป็นไปได้ว่าแผงควบคุมการจ่ายหมึกอาจเสียหาย

งานพิมพ์เป็นสีดำทั้งแผ่นอะไรเป็นสาเหตุ
อาการแบบนี้น้อยนักที่จะเกิดขึ้นยิ่งเป็นเครื่องใหม่ด้วยแล้วเปอร์เซ็นต์ต่ำ มาก แต่ถ้ามันเกิดขั้นมาจริงๆ ก็แสดงว่าแผงควบคุมการปล่อยหมึกขัดข้อง จึงไม่สามารถคอนโทรลหมึกได้อย่างถูกต้อง ซึ่งตรงนี้จะไปเกี่ยวข้องกับส่วนควบคุม Laser Scanner ด้วย อย่าลืมดึงตลับโทนเนอร์ออกมาดูความผิดปกติ ซึ่งตัวตลับอาจเสียหายก็เป็นไปได้เช่นกัน

มีเส้นเหมือนบาร์โค้ดทับตัวหนังสือ
เป็นอีกหนึ่งอาการที่เจอกันได้บ่อยๆ สั่งพิมพ์เอกสารแต่ดันมีเส้นเหมือนแถบบาร์โค้ดยาวเป็นแนวจากขอบบนถึงขอบล่าง ติดมาด้วย ตรงนี้ถ้าเครื่องพิมพ์ของคุณใช้มานานแต่ยังไม่เคยเปลี่ยนดรัมหรือโทนเนอร์ เลย แนะนำให้เปลี่ยนได้แล้วเพราะเป็นต้นเหตุหลักของอาการที่ว่านี้เลยเชียว นอกจากนี้ก็อาจจะเป็นเรื่องของเศษผงหมึกที่ไปติดตามส่วนสำคัญเช่น เลนส์สแกนเลเซอร์ ลูกกลิ้งที่ฟีดกระดาษก่อนพิมพ์

ตัวหนังสือเล็กผิดปกติ
เครื่องพิมพ์ส่วนใหญ่จะมียูทิลิตีสำหรับบริหารจัดการระบบพิมพ์มาให้ และมักจะดูแลเรื่องต่างๆ ของการพิมพ์ให้เกือบหมด ถ้าคุณสั่งพิมพ์แต่ฟอนต์เกิดตัวเล็กผิดปกติทั้งๆ ที่ไม่ได้ปรับขนาดในเวิร์ดเลย ให้ลองตรวจสอบดูที่ Print Preference หรือตัวยูทิลิตีดูว่ามีการปรับโหมดพิเศษอะไรหรือไม่ หรือมีการย่อฟอนต์แบบอัตโนมัติเองหรือไม่? ให้ปรับเป็นค่าที่สามารถพิมพ์ได้ตามปกติ

สั่งพิมพ์แต่ตัวหนังสือขาดหายแสดงไม่ครบ
ปัญหานี้เกิดขึ้นได้ทั้งที่เป็นตัวหนังสือเพรียวๆ และการสั่งพิมพ์ภาพครับ สาเหตุก็มาจากการตั้งค่าการพิมพ์ไม่ถูกต้องนั่นเอง เช่น มีฟอนต์บางตัว หรือข้องความในบรรทัดบนกับบรรทัดสุดท้ายตกขอบไป แบบนี้หมายความว่ามีการตั้งค่าไม่ตรงนั่นเอง การแก้ปัญหาสามารถทำได้จากตัวโปรแกรมที่คุณใช้งานอยู่ขณะนั้น เช่น Acrobat, Word, Excel และโปรแกรมอื่นๆ เมื่อตั้งค่าการพิมพ์และตั้งค่าหน้ากระดาษแล้วให้ลองพิมพ์ทดสอบดู

เอกสารที่สั่งพิมพ์ชัดเจนแต่แบ็กกราวนด์เป็นสีเทา
โดยปกติแล้ว งานพิมพ์เอกสารที่สมบูรณ์นอกจากตัวหนังสือหรือเส้นตารางๆ ต่างๆ จะชัดเจนแล้ว แบ็ก
กราวนด์ของกระดาษก็ไม่ควรเป็นสีอื่นใด นอกเสียจากสีขาวของเนื้อกระดาษ แต่ถ้ามันกลายเป็นสีออกเทาๆ เหมือนโหมดเกรย์สเกลแล้วละก็ ตรวจสอบกระดาษก่อนเลยว่าถูกประเภทหรือเปล่า? และลองเข้าไปดูในยูทิลิตีการพิมพ์ว่ามีการเซตแบ็กกราวนด์ให้เป็นสีใดไว้หรือ ไม่? ถ้าทุกอย่างที่บอกไปอยู่ดีเป็นปกติด ให้สันนิษฐานว่าตลับโทนเนอร์หรือดรัมอาจจะชำรุดเสียหายได้

ภาพพิมพ์หรือฟอนต์มีจุดว่างๆ อยู่ข้างใน
งานพิมพ์ภาพถ่ายด้วยเครื่องพิมพ์เลเซอร์ทั้งสีและขาวดำจะออกมาสวยสุดยอดหรือ น่าประทับใจได้นั้น นอกจากภาพต้นแบบต้องดีแล้ว ระบบการทำงานของเครื่องยังต้องไม่ขัดข้องหรือทำงานเป็นปกติด้วย สำหรับอาการที่เกิดขึ้นบนภาพและฟอนต์ในลักษณะนี้ ส่วนใหญ่มาจากการตั้งค่าการพิมพ์ไม่ตรงกับกระดาษที่ใช้ หรือทางกลับกันนั้นกระดาษที่ใช้ก็ไม่ตรงกับค่าการพิมพ์ที่ได้เลือกไว้นั่น เอง

งานพิมพ์เอียงโย้เย้ไปมาไม่ตรง
ตัวหนังสือเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง หรือภาพที่สั่งพิมพ์โย้เย้ไม่ตรงหรือพอดีกับที่เราตั้งค่าหน้ากระดาษเอาไว้ ละก็ การวินิจฉัยอาการที่เกิดขึ้นให้มุ่งเป้าที่ถาดใส่กระดาษก่อนเลยครับ ถ้าคุณวางปึกกระดาษแน่นหรือไม่ตรงรางป้อนกระดาษ เวลาที่ลูกกลิ้งฟีดกระดาษเข้าไปมันย่อมเข้าไปไม่ตรงด้วย ทำให้เสียเวลาสั่งพิมพ์ตำแหน่งบนกระดาษจึงไม่ถูกต้อง เพราะกระดาษมันไม่ตรงนั่นเอง

ใส่กระดาษค้างไว้ในถาดนานๆ ไม่ดี
เครื่องพิมพ์ที่ไม่ได้พิมพ์บ่อยๆ อาจมีปัญหาหลายอย่างเวลากลับมาใช้งานอีกครั้ง หนึ่งในนั้นก็คือคุณภาพของกระดาษที่อาจเสียไป เช่น ถ้าคุณใส่กระดาษไว้ในถาดเป็นเวลานานๆ แถมยังใส่เต็มความจุดด้วย การปล่อยเอาไว้โดยไม่มีการพิมพ์เลย กระดาษพวกนี้จะติดกันด้วยความชื้นในห้อง หรือหากเครื่องวางอยู่ในที่ที่มีอุณหภูมิสูงกระดาษก็จะกรอบเอาง่ายๆ เวลาพิมพ์ออกมาคุณภาพของงานจึงไม่ได้อย่างที่ต้องการ

เส้นขาวในแนวตั้งเกิดขึ้นได้อย่างไร
เคยเจอกับงานพิมพ์ที่มีเส้นขาวเล็กพากเป็นแนวยาวของหน้ากระดาษบ้างไหมครับ อันที่จริงไม่ใช่เป็นหมึกสีขาว แต่เป็นช่องว่างเล็กๆ ที่หมึกพิมพ์ลงไปไม่ได้นั่นเอง และอาการที่ว่านี้มีสาเหตุมากกว่าหนึ่งอย่างด้วย ตั้งแต่โทนเนอร์และดรัมมีคราบสกปรก กระดาษผิดประเภท เช่น กระดาษมันที่ใช้กับเครื่องเลเซอร์ไม่ได้ หากพิมพ์ออกมาก็อาจให้ผลลัพธ์แบบนี้ได้ นอกจากนี้ภายในอาจมีอะไรไปบดบังกระจกสะท้อนแสดงเลเซอร์ในลักษณะแนวยาวได้ ทำให้อาการออกมาในลักษณะนี้

ทิปจาก : หนังสือ COMPUTER.TODAY

COMPUTER.TODAY

เครื่องพิมพ์แบบจุด (Dot Matrix)

เครื่องพิมพ์แบบจุด (Dot Matrix)

ใช้เครื่องพิมพ์ไปนาน ๆ เมื่อพิมพ์แล้วตัวหนังสือขาด ๆ ซึ่งเกิดจาก ปัญหาหัวเข็มหัก สามารถส่งซ่อมโดยเปลี่ยนเฉพาะเข็มที่หัก หรือ ให้ซื้อหัวใหม่ทั้งชุด

ปัญหากระดาษบาง เวลาสั่งพิมพ์ตาราง ตรงเส้นตารางกระดาษจะขาด ให้เปิดฝาครอบขึ้นลองดูที่ตัวปรับจำนวนชั้นกระดาษ (copy) ซึ่งอยู่ด้านขวา (รุ่น LQ2180i) ให้ลองปรับตัวเลขต่ำลงมาครับ ลงมาที่ 0 หรือ – 1 ก็ได้

เครื่องดึงกระดาษเข้าไปแล้วกระดาษขาด หรือกระดาษติด อาจเป็นจากปรับจำนวนชั้นของกระดาษน้อยไป ให้ลองปรับให้ตัวเลขสูงขึ้น 1-2 ชั้น เช่น จาก 1 ปรับขึ้นเป็น 2 หรือ 3 และถ้าเราใช้กระดาษต่อเนื่องให้ใช้เฟืองจับกระดาษตรงรูทั้ง 2 ข้างช่วย แล้วขึงกระดาษให้ตึง ระวังกระดาษที่ใช้งานอย่าให้มีอะไรมารั้งเอาไว้ระหว่างที่พิมพ์

หมึกหมดผ้าหมึกบาง วิธีง่ายที่สุดคือเปลี่ยนตลับหมึกใหม่แต่ถ้าจะประหยัดคือเปลี่ยน Refill สังเกตว่าตลับหมึกอันใหม่จะมีผ้าหมึกเยอะมาก ๆ ขดกันแน่นอยู่ในตลับ แต่ผ้าหมึกของ Refill สั้นกว่ามาก การเปลี่ยนผ้าหมึก Refill ต้องระวังนิดนึง ถ้ามันเด้งขึ้นมา การที่เราจะจัดระเบียบให้มันค่อนข้างยาก ท่านไม่สามารถใช้ Refill ได้ตลอดเพราะตัวตลับมีการหมดอายุ สังเกตจากมันไม่หมุน ก่อนที่เราจะเปลี่ยนใส่ Refill ให้ เราทดลองเอาตลับ มาหมุนตรงแกนดูว่าผ้าหมึกเดินดีหรือไม่ ถ้าฝืดมาก หรือหมุนไม่ไป ให้เปิดดูข้างในตัวตลับ ถ้าผ้าหมึกไม่ติดขัด ลูกยางก็อยู่ในตำแหน่ง แต่หมุนไม่ไปก็แสดงว่าหมดอายุแล้ว ต้องซื้อตลับหมึกอันใหม่ แต่ถ้าตลับหมดอายุแล้วแต่ยังเปลี่ยน Refill ลงไปอีก เวลาใช้งานจริง ผ้าหมึกจะไม่เดิน หัวเข็มก็จะพิมพ์ซ้ำ ๆ ตรงตำแหน่งเดิมทำให้ผ้าหมึกขาดได้

เครื่องพิมพ์แบบฉีดหมึก (Ink Jet)

ถังขยะหมึก ท่านทราบหรือไม่ว่าหมึกมันจะย้อยออกมาจากตลับ ลงไปที่ช่องสี่เหลี่ยมซึ่งเรียกว่าถังขยะหมึก เมื่อ มันเต็มจะทำให้กระดาษเลอะหมึก ถังขยะหมึกนี้อยู่ที่ไหน ให้ท่านเปิดเครื่องพิมพ์ปกติ แล้วเปิดฝาครอบขึ้น ชุดตลับหมึกจะวิ่งจากด้านขวาสุดมาอยู่ตรงกลาง ให้ท่านสังเกตไปทางด้านขวาสุดที่ชุดตลับหมึกวิ่งออกมา มองลงไปด้านล่าง จะมีถังขยะหมึกอยู่ ให้ใช้ช้อนตักขึ้นมามันจะเหนียวหนืด ๆ ส่วนใหญ่มีสีดำ ว่างเมื่อไรก็ไปตัก ไม่ต้องรอให้เต็ม

ปัญหาพิมพ์แล้วตัวหนังสือไม่ค่อยคมชัด ขึ้นอยู่กับปัจจัย 3 ประการ

1. คุณภาพกระดาษ ถ้าคุณภาพต่ำตัวหนังสือจะซึม ดูเลอะ ๆ ไม่คม

2. คุณภาพที่สั่งพิมพ์ (Print Quality) ถ้าสั่งแบบดีสุด (Best) ย่อมดีกว่าแบบธรรมดา (Normal) หรือแบบด่วน (Fast) แต่ก็เปลืองหมึกกว่า

3. การ ตั้งค่าตลับหมึก ปกติถ้าท่านเปลี่ยนตลับหมึกใหม่ มันจะกำหนดค่าตัวเองอัตโนมัติเพื่อให้พิมพ์ถูกต้องและชัดที่สุด แต่บางรุ่นและบางโอกาส เครื่องมันก็ผิดพลาด เราต้องช่วยมันตั้ง Start -> Settings -> Printers -> Click ขวาที่ Icon Printer -> Properties -> Preferences -> click ปุ่ม Service… มี 2 ปุ่ม ปุ่มแรกคือ Align Print Cartridges จะช่วยในเรื่องการขีดเส้นระบายสี พิมพ์ตรงบรรทัดให้ถูกต้อง อีกปุ่มคือ Clean Print Cartridges จะช่วยในเรื่องพิมพ์ไม่ชัด มันจะ Clean 3 ขั้น ถ้ายังไม่ชัด ให้ซื้อตลับใหม่

ปัญหากระดาษติด จะพบเมื่อเครื่องร้อนเพราะพิมพ์งานจำนวนมากและพบเมื่อกระดาษงอ พบบ่อยจากกระดาษแบบใช้ซ้ำ (ReUse) ที่สภาพไม่ค่อยจะดี

ใช้หมึก Refill แทนการซื้อตลับใหม่ ดยการใช้หลอดฉีดยา ฉีดหมึกเข้าไปในตลับ ถ้าหมึกที่ไม่ได้คุณภาพ ให้ระวังปัญหา 2 เรื่อง

1.ปัญหาเรื่องหมึกแข็งตัวอุดตันหัวฉีด เนื่องจากถ้าเราไม่ค่อยใช้งานเครื่องพิมพ์ ทำให้สีแห้งอุดตันได้

2.ปัญหาเรื่องหมึกไหลเยิ้มเนื่องจากเหลวเกินไป สำหรับHPหัว ฉีดจะอยู่ที่ตัวตลับหมึก เพราะฉะนั้นถ้าหัวฉีดมีปัญหาเพียงซื้อตลับหมึกใหม่ก็จะเป็นการเปลี่ยนหัวฉีด หมึกใหม่โดยอัตโนมัติซึ่งต่างกับยี่ห้ออื่นที่หัวฉีดจะติดอยู่กับตัวเครื่อง พิมพ์ ถ้าเสียต้องยกเครื่องส่งไปให้ช่างซ่อม แต่การที่หัวฉีดหมึกอยู่ที่ตัวตลับ ก็ทำให้ตลับหมึกของ HP มีราคาแพงไปด้วย

ปัญหาการเคลื่อนย้ายเครื่องพิมพ์ ถ้า ท่านยกปกติ จากโต๊ะนี้ไปโต๊ะโน้น ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าต้องย้ายไกลหน่อย เช่นต้องใส่ไว้ท้ายรถ และท้ายรถก็รกเหลือเกิน ก็เลยต้องวางเครื่องพิมพ์แบบตะแคงข้าง หรือวางแนวยืน แทนที่จะวางแนวนอนแบบปกติตอนใช้งาน หมึกจะไหลเยิ้มเต็มเครื่องและทะลักลงบนรถด้วย ทางที่ดีควรถอดตลับหมึกออกจากเครื่องพิมพ์ก่อนการเคลื่อนย้าย

เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์ (Laser Printer)

ปัญหาการติดตั้ง ถ้าติดตั้งปกติเราใช้คนเดียวก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าเป็นรุ่นที่ใช้ผ่านเครือข่ายได้ คือเครื่องพิมพ์มีช่องเสียบสาย LAN (Local Area Network) โดยตรง การติดตั้ง Driver (โปรแกรมที่ทำให้คอมพิวเตอร์ใช้งานเครื่องพิมพ์ได้) ทางที่ดีให้ช่างคอมพิวเตอร์มาทำให้ดีกว่า บางครั้ง Driver ที่เขาให้มาตอนซื้อเครื่อง ก็ใช้ไม่ได้ ต้องไปหามาจาก Internet

ปัญหากระดาษติด สันนิษฐานได้ 4 ประการคือ

1. เนื่องจากใช้กระดาษแบบใช้ซ้ำ (ReUse) ที่สภาพยับเยินไปหน่อย

2. ตั้งใจ พิมพ์หน้า-หลัง แต่เครื่องพิมพ์เป็นรุ่นที่ไม่มีระบบกลับหน้าอัตโนมัติ เมื่อพิมพ์หน้าแรกเสร็จ เราก็ต้องหยิบกระดาษมากลับหน้าเพื่อพิมพ์หน้าสองเอง แต่ว่ากระดาษที่เพิ่งพิมพ์หน้าหนึ่งออกมาจะร้อนและม้วนงอ ทำให้กระดาษติดได้ วิธีแก้ไขเราต้องม้วนกระดาษกลับอีกข้าง เพื่อให้กระดาษหายงอ จึงจะใช้พิมพ์ได้ ปัญหานี้สามารถเกิดกับเครื่องพิมพ์แบบฉีดหมึกได้เช่นกัน

3. เครื่องร้อนเนื่องจากใช้งานมาก ทำให้กระดาษติดได้ (เหมือนเครื่องถ่ายเอกสาร)

4.กระดาษไม่ได้กรีด

ปัญหาพิมพ์ไม่ชัด ถ้าหมึกยังไม่หมด อาจเกิดจากผงหมึกไม่กระจายตัว ให้ท่านเอาตลับผงหมึก (Print Cartridge) มาเขย่า วิธีเขย่ามีดังนี้ ขั้นแรกถือตลับหมึกแนวนอน แล้วเอียงด้านซ้ายต่ำลง 45 องศา ให้ผงหมึกไหลลงจากด้านขวาไปซ้าย สลับเอียงทางขวาลง 45 องศา ทำกลับไปกลับมาช้า ๆ สัก 7-8 ครั้ง สำหรับตลับผงหมึกที่ซื้อมาใหม่ ก่อนที่ท่านจะใส่เข้าเครื่องพิมพ์ ท่านก็ต้องทำกรรมวิธีเขย่าเช่นนี้ด้วย


ที่มา:http://blog.hunsa.com

วิธีการติดตั้ง printer และการ share printer

ผมเห็นว่ามีคนบางกลุ่ม สนใจในเรื่องของการ Share การใช้ทรัพยากรร่วมกัน นะครับ ไม่ว่าจะเป็น ในเรื่องของ ไฟล์ต่างๆ การใช้ internet การใช้งาน Printer ร่วมกัน ดังนั้นในวันนี้ ผม ใคร่ขอเสนอ การใช้งาน ปริ้นเตอร์ ร่วมกัน หรือจะเรียกอีกอย่างว่า Share Printer ก็ไม่ผิดนะครับนะครับ

ซึ่ง บทความนี้เป็น เทคนิคของผมเองและอาจจะมีบางส่วนอาจจะไม่ถูกต้องตามหลักการ แต่ขอยืนยันว่าใช้งานได้แน่นอน ผิดพลาดประการใด ขอกราบอภัยไว้ ที่นี้ด้วย

บทความนี้ป๋มขอแบ่ง เป็น 2 ส่วน ดังนี้
ส่วน ที่ 1 เครื่อง Server (เครื่องแม่)เป็นเครื่องที่ต้องต่อกับ Printer โดยตรง ซึ่งผมขอตั้งเป็น ชื่อ Server01 (ผมสมมุติขึ้นไม่ต้องตั้งตามก็ได้)
ส่วนที่ 2 เครื่อง Client (เครื่องลูก)
**** หมายเหตุ ผมขอใช้เป็น เครื่อง server เนี่ยะหมายถึงเครื่องที่ต่อ กับ Printer นะครับไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องซื้อเครื่อง Server

เรามาเริ่มกันเลยดีกว่านะครับ ในส่วนที่ 1 เครื่อง Server (เครื่องแม่)
1.1 การ ติดตั้ง Printer
ก่อน อื่นเราจะต้องทำการติดตั้งเครื่อง Printer เสียก่อน บางท่านการติดตั้งเครื่อง Printer นั้นเป็นเรื่องง่าย แต่ผู้คนบางกลุ่ม อาจจะไม่เคยติดตั้ง Printer เลย ดังนั้นผมจึงขอเสนอ ตั้งแต่เริ่มต้นทำการการติดตั้ง Printer
วิธีการติดตั้ง Printer
1.1.1 ให้คุณไปที่ Start >>> Setting >>> Printer and Faxes



1.1.2 เลือก Add Printer


1.1.3 คลิ๊ก Next


1.1.4 เลือกไปที่ Local printer attached this computer และเอาเครื่องหมายถูก ที่ Automatic detect and install my Plug and Play Printer ออก จากนั้น คลิก Next


1.1.5 ในช่อง Use the following port เราสามารถเปลี่ยนเป็น port ที่เราต้องการได้ ในที่นี้ผมไม่เปลี่ยนนะครับ เลยจะได้เป็น LPT1 เหมือนในรูป จากนั้นคลิ๊ก Next นะครับ

1.1.6 ขั้นต่อมาจะเป็นการติดตั้ง Driver ให้กับเครื่อง Printer นะครับ ให้เราเลือกไปที่ Have Disk เพื่อทำการเลือก Driver ให้กับ Printer


1.1.7 เลือก ที่ Browse เพื่อหา Driver ให้กับเครื่อง Printer ซึ่งขึ้นอยู่กับของแต่ละคนว่าอยู่ที่ไหน แต่ส่วนมากจะอยู่ที่ Dive CD Rom ดังนั้น ให้ทำการ Browse ไปที่ Drive Cd Rom นะครับ


1.1.8 เมื่อเจอ Driver แล้ว ทำการ คลิก Next ได้เลยนะครับ


1.1.9 ตรง Printer Name เราสามารถเปลี่ยนชื่อได้ตามที่ต้องการนะครับ เมื่อได้ชื่อที่ต้องการ ให้ คลิก Next


1.2 การ Share Printer
1.2.1 หลังจากที่เราทำมาจนถึง ข้อ 1.1.9 ก็จะมาถึงหน้าที่ เราจะต้องทำการ Share Printer แล้วละครับ
ให้เราตั้งชื่อ เครื่อง Printer ที่เราต้องการ จะ Share ในช่อง Share Name จากนั้นคลิก Next


1.2.2 ตรง Location และ Comment นั้น คุณ จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ แต่ผมแนะนำให้ใส่ เกิดคุณมีเครื่อง Printer หลายตัว การตั้งชื่อและการ บอก Location จะทำให้คุณจดจำมันได้ง่าย


1.2.3 ในหน้าถัดมา มันจะเป็น หน้าทดสอบ การ Print เช่น กันจะทดสอบหรือไม่ก็ได้
ถ้าต้องการ ทดสอบ ให้ คลิกที่ Yes
ถ้าไม่ต้องการทดสอบให้คลิกที่ No
แต่แนะนำให้คลิกที่ Yes เพื่อทำหารทดสอบ เราจะได้รู้ว่า เครื่อง printer สามารถทำงานได้จริงหรือไม่ จากนั้นคลิก Next


1.2.4 เสร็จแล้วละครับ ให้เรา คลิ๊กที่ Finish ได้เลย


1.2.5 ให้เราเข้าไปดูใน Printer and Faxes อีกครั้ง โดยไปที่ Start >>> Setting >>> Printer and Faxes จะเห็นว่าเครื่อง Printer ที่เราเพิ่งได้ทำการติดตั้งไป มีลักษณะของการ Share แล้ว (เป็นรูปมือ)


จบในส่วนที่ 1 ซึ่งเป็นส่วนของ Server เครื่อง Printer แล้วครับ

ส่วนที่ 2 เครื่องลูกหรือเครื่อง Client

2.1 การ Add Printer
ทำได้ง่ายมากคับ ให้คุณไปที่ Start >>>>Run>>>>


2.2
พิมพ์ ข้อความ ดังนี้ \\ชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์หรือip ของเครื่องที่เปิด Share print(เครื่อง Server ) เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งนะครับ
สมมุติว่าผมตั้งชื่อเครื่อง computer ที่เปิด Share Printer ชื่อว่า server01 มี Ip 192.168.0.1
ผมก็จะพิมพ์ข้อความลงไปดังนี้

\\server01
หรือ
\\192.168.0.1


2.3 จากนั้นเราจะเข้าสู่หน้าต่างของเครื่อง Server01 นะครับ
เราจะมองเห็นเครื่อง Printer ที่เครื่อง Server01 ทำการเปิด Share ไว้นะครับ (ที่เราติดตั้งไปในส่วนที่ 1)


2.4 ให้ไปคลิ๊กขวาที่เครื่อง Printer นะครับ จากนั้นเลือก Connect นะครับ และรอซักครู่นะครับ


2.5 ให้เราตรวจสอบอีกครั้งว่าเรา connect printer สำเร็จหรือไม่นะครับ
ไปที่ Start >>> Setting >>>Printer and Faxes เพื่อดูเครื่อง Printer ที่เรา Connect เข้ามา


2.6 ถ้าเห็นว่ามีชื่อเครื่อง Print ที่เราได้ Connect มาเมื่อกี้ก็แสดงว่าเราทำสำเร็จ !!!!
+++ดีใจด้วยนะครับ+++


2.7 ให้เราลอง Print เอกสารนะครับ
เปิด โปรแกรม Word หรือ อะไรก็ได้ที่ มันสามารถสั่ง Print ได้ ลองสั่ง print นะครับ ในกรณีที่คุณใช้โปรแกรม word ให้คุณไปที่ File>> Print >>> เราจะเห็นช่องแรกนะครับ คือช่อง Name ให้เราเลือกเป็นชื่อเครื่อง Printer ที่เราจะทำการสั่ง Print แล้วคลิ๊ก OK ครับ


รอกระดาษออก มา
เป็นอันจบสิ้นบท ความของ ผม
ใคร มีปัญหาใดๆเกี่ยวกับบท ความนี้ เข้ามาถามในกระกู้นี้นะครับ ผมจะเข้ามาดูเรื่อยๆ ครั้งหน้าเราจะมาลองดูวิธีการ Share File หรือการใช้งาน ไฟล์ ร่วมกัน (เมื่อผมว่างนะครับ)

ที่มา:http://www.zone-it.com

การเลือกซื้อเครื่อง พริ้นเตอร์

Printer การเลือกซื้อเครื่อง พริ้นเตอร์ อย่างไรให้โดนใจคุณ

การเลือกซื้อเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ไว้ ใช้งานสักเครื่องหนึ่ง ก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกับการเลือกซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่างๆ เลย เพียงแต่ผู้ซื้อควรจะมีความรู้เกี่ยวกับตัวสินค้าสักหน่อยเท่านั้น ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ในที่นี้อย่างเช่น การอ่านสเปกอย่างคร่าวๆ ของเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ได้ สามารถอ่านแล้วทำความเข้าใจได้ว่า ความสามารถของสินค้าชนิดนั้นๆ สามารถทำอะไรด้มั่ง มีความละเอียดในการพิมพ์เท่าไร่? สามารถหยดน้ำหมึกได้เล็กที่สุดกี่พิโคลิตร? แต่ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น การเลือกซื้อเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ยังต้องคำนึงถึงในเรื่องของประสิทธิภาพในการทำงาน ราคาของเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ งบประมาณที่จะซื้อ รวมไปจนถึงประสิทธิภาพของเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ที่ซื้อมาใช้งานแล้ว คุ้มค่ากับเงินทองที่เสียไปหรือไม่ ถ้าทำอย่างนี้การเลือกซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ หรือการเลือกซื้อเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ สำหรับผู้ใช้หลายๆ ท่านก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากแล้วครับ

มาทำความรู้จักกันก่อนดีกว่าครับว่า เครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ที่มีขาย หรือใช้งานกันในปัจจุบันนี้มีเครื่องพรินเอร์แบบใดกันบ้าง เราสามารถแบ่งเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ได้เป็น
1) เครื่องดอตเมตริกซ์พริ้นเตอร์ (Dotmatirx Printer)
2) เครื่องฟิล์มพริ้นเตอร์ (Film Printer)
3) เครื่องอิงค์เจ็ตพริ้นเตอร์ (Inkjet Printer)
4) เครื่องมินิพริ้นเตอร์ (Mini Printer)
5) เครื่องเลเซอร์พริ้นเตอร์ (Laser Printer)
6) เครื่องไลน์พริเตอร์ (Line Printer)
7) เครื่องมัลตฟังก์ชัน (Multifunction Printer) หรือ All-In-One (AIO)
8) เครื่องพล็อตเตอร์ (Plotter)

ในการเลือกซื้อ Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ต้องคำนึงถึงองค์ประกอบหลายๆอย่างประกอบกัน ซึ่งในแต่ละองค์ประกอบนั้นมีความสำคัญไม่แพ้กัน ในการเลือกซื้อ ตรงนี้จะทำให้ผู้ใช้ได้รับประโยชน์สูงสุด คือเกิดความคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปแต่ที่แน่ ๆ สิ่งแรกควรพิจารณาจากการใช้งานเป็นหลักว่า ผู้ใช้ต้องการPrinter พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ไปใช้งานประเภทใดเป็นส่วนใหญ่ เพราะพริ้นเตอร์แต่ละรุ่นเน้นการทำงานที่ต่างกันในตลาดเมืองไทยของเรามี พริ้นเตอร์ให้เลือกซื้ออยู่มากมายหลายรุ่น หลาก หลายประเภทโดยแต่ละรุ่นก็มีความแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของราคา การใช้งาน ส่วนในประเภทของ Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ นั้นที่เห็นอย่างชัดเจนในปัจจุบัน มีอยู่ ด้วยกันถึง 4 ประเภท เนื่องจาก Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ มีการพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ มีการเพิ่มเติมเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการทำงานสูงขึ้น การใช้งานมีความ หลากหลายมากขึ้นจนตอนนี้เครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องพิมพ์ธรรมดาไปเสียแล้ว เช่น ในบ้างรุ่นสามารถพิมพ์งานด้านกราฟิกที่มีความละเอียดสูงๆ พิมพ์ภาพถ่ายได้แล้ว จากประเภทของพริ้นเตอร์ที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้วนั้นแบ่งได้ดังนี้ครับ

เครื่องดอตเมตริกซ์พริ้นเตอร์ (Dotmatix Printer) เหมาะสมสำหรับห้างร้าน ผู้ประกอบธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางหรือผู้ใช้ที่ต้องการเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ที่สามารถ ทำสำเนาได้

เครื่องดอตเมตริกซ์พริ้นเตอร์ (Dotmatix Printer) นี้การพิมพ์โดยใช้หัวเข็มครับ ไม่ได้ใช้เป็นหัวพ่นจึงไม่จำเป็นจะต้องซื้อน้ำหมึกแต่ต้องซื้อผ้าหมึกแทน คล้ายๆ กับ เครื่องพิมพ์ดีดแบบปกติทั่วไป ทำให้ผู้ใช้ประหยัดเงินค่าซื้อน้ำหมึกไปได้มาก เนื่องจากผ้าหมึกมีอายุการใช้งานสูงกว่าใช้น้ำหมึกมากหลายเท่า เหมาะกับการใช้ งานในสำนักงานที่ต้องการใช้พิมพ์เพียงเอกสารแบบปกติ อย่างพวกใบเสร็จต่างๆ และงานพิมพ์ทั่วไป ในด้านการใช้งานตัวเครื่องมีความยืดหยุ่นสูง สามารถใช้ ได้กับกระดาษหลายประเภท ในการเลือกซื้อพริ้นเตอร์ประเภทนี้เรื่องความละเอียดในการพิมพ์เรามองข้ามไป ได้เลยครับเพราะปกติของ Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ Dotmatix ค่าความละเอียดสูงสุดแล้วอยู่ที่ 360x360 จุดต่อตารางนิ้วทั้งหมด (ที่มีจำหน่ายอยู่ในตลาดบ้านเราครับ) จำนวนหัวเข็มของเครื่องพิมพ์จะมีตั้งแต่ 24 หัวเข็ม 32 หัวเข็ม ยิ่งจำนวนหัวเข็มมากก็จะทำให้งานที่พิมพ์ออกมามีความละเอียดขึ้น ความเร็วในการพิมพ์ตัวอักษรมีตั้งแต่ 192 ต่อCPS, 240, 264, 300, 360, 375, 390, 400, 432, 450 จนถึง 504 ต่อCPS (CPS คือ ความเร็วในการพิมพ์ตัวอักษรต่อนิ้ว) เห็นได้ว่าเพียงความเร็วในการพิมพ์ตัวอักษรก็มีให้เลือก มากแล้ว ส่วนนี้คงอยู่ที่ความพอใจของผู้ซื้อเองว่าจะเลือกความเร็วที่เท่าไรค่าความ ต่างในการพิมพ์ไม่ได้ต่างกันมากเพียงไม่กี่วินาทีต่อแผ่น

Epson LQ-300+
Fujisu DL3800Pro
Nec P2000
Oki
Microline 390 Turbo
Panasonic KX-P1131

ต่อ มาเป็นจำนวนที่สำเนาที่เครื่องสามารถทำได้ เช่น 1 ต้นฉบับ 3 สำเนา, 1 ต้นฉบับ 4 สำเนา ไปจนถึง 1 ต้นฉบับ 7 สำเนา ส่วนนี้แล้วแต่ความ ต้องการของผู้ใช้ครับ กระดาษก็เป็นเรื่องสำคัญครับแต่ในพริ้นเตอร์ Dotmatrix แล้วจะใช้กระดาษต่อเนื่องที่เป็นทำเป็นสำเนา ความกว้างของกระดาษ ก็เป็น ส่วนหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงครับ ถ้าเครื่องพิมพ์มีความกว้างของกระดาษไม่พอ ก็ทำให้ไม่สามารถพิมพ์งานได้ครับ ในส่วนอื่นๆ ก็เหมือนๆกันไม่ได้แตกต่างกันมาก ช่องต่อพอร์ต เป็น Parallel โดยส่วนใหญ่ มีไม่กี่รุ่นที่ต่อพอร์ต USB ได้ด้วย ที่น่าพิจารณาก็อยู่ตรงที่หน่วยความจำบัฟเฟอร์ยิ่งมาก ยิ่งดีครับเพราะเครื่องจะ มีความยืดหยุ่นในการทำงานสูงขึ้น และเรื่องของราคาเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ประเภทนี้มีราคาค่อนข้างสูงอยู่พอสมควร แต่ถ้าคิดถึงโดยรวมแล้วคุ้มครับเนื่องจากผู้ใช้ ไม่ต้องเสียเวลา ซื้อน้ำหมึกมาเติมอยู่บ่อยๆเหมือนเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ประเภทอื่นส่วนราคาผ้าหมึกเวลาซื้อเปลื่ยนก็ไม่แพงมาก ถ้าหากกำลังมองหาพริ้นเตอร์ประเภท นี้อยู่ก็คงต้องพิจารณาให้ดีนิดนึงนะครับ

เครื่องอิงค์เจ็ตพริ้นเตอร์ (Inkjet Printer) เหมาะสมสำหรับการใช้งานโดยรวม สามารถพิมพ์เอกสาร รูปภาพที่เป็นขาว-ดำ และสีได้

เครื่อง อิงค์เจ็ตพริ้นเตอร์ (nkjet Printer) เป็นประเภทที่เหมาะสมกับผู้ใช้ทั่วไปทุกระดับตั้งแต่นักเรียน นักศึกษา ไปจนถึงสำนักงานใหญ่ ๆ และกำลังได้รับความ นิยมมากที่สุดในตลาดบ้านเราขณะนี้ เนื่องจากมีราคาตั้งแต่ไม่กี่พันบาท ไปจนถึงหลักหมื่นเลยที่เดียวสำหรับการเลือกซื้อเครื่องประเภทนี้จำเป็นต้อง ดูอะไร หลายๆอย่างประกอบกัน เหมือนเดิมครับว่าต้องดูการใช้งานของผู้ใช้เป็นหลักว่าต้องการใช้เครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ประเภทนี้เน้นในด้านใดเป็นหลัก อันนี้ก็สืบเนื่องมา จากว่าเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ประเภทนี้มีขายในตลาดบ้านเรามากมายหลายรุ่นจริงๆ ในแต่ละรุ่นมีการทำงานที่แตกต่างกันหลายอย่างเลยทีเดียว คือมีจุดเด่นที่แตกต่าง กันนั้นเอง พริ้นเตอร์ประเภทInkjet พิมพ์งานโดยใช้ตลับน้ำหมึก เวลาเลือกซื้อต้องดูด้วยว่ารุ่นนี้ใช้ตลับน้ำหมึกแบบไหนรุ่นอะไร ตลับสีและดำ ราคาเท่าไรแต่ ละแบรนด์ราคาตลับหมึกถูกบ้างแพงบ้างต่างกันไป อย่างบางรุ่นราคาพริ้นเตอร์ไม่แพงมากแต่ราคาตลับเป็นพันบาทก็มี ตรงส่วนนี้ต้องดูให้ละเอียดครับ

เรื่องของคุณภาพของน้ำหมึกมีขอ แตกต่างกันบ้างเล็กน้อยบ้างรุ่นตลับสีแบบรวมไม่ได้แยกเป็นสี ตรงจุดนี้แบบรวมจะมีข้อเสียเล็กน้อยที่ถ้าตลับสีแบบ รวมสีหนึ่งสีใดหมดต้องเปลี่ยนทั้งตลับเลย ไม่เหมือนกับแบบแยกสีที่ถ้าสีใดหมดก็เปลื่ยนเพียงสีนั้นสีเดียวได้แต่ ปัจจุบัน รุ่นใหม่ๆที่ใช้ตลับหมึกสีแบบรวมมี เทคโนโลยีใหม่ที่ทำให้น้ำหมึกสีหมดแบบพอๆกัน เพื่อนำมาแก้ปัญหาตรงจุดนี้ หากผู้ใช้เน้นทำงานกราฟิกเป็นส่วนใหญ่ขอแนะนำให้ใช้พริ้นเตอร์ที่มีตลับหมึก สี แยกจะดีกว่าเพราะจะประหยัดกว่ามากครับ ส่วนผู้ใช้ที่เน้นการทำงานปกติ มีพิมพ์ภาพบ้างใช้แบบตลับหมึกสีรวมก็พอแล้วครับ

Canon PIXMA iP90
Epson Stylus Photo R800
HP Photosmart 8150
Lexmark P915

ต่อ ไปก็เป็นค่าความละเอียดของตัวเครื่องให้เลือกที่ความเหมาะสมดูไปแล้ว เมื่อเทียบกับในปัจจุบันคงต้องเลือกค่าความละเอียดไม่ต่ำกว่า 1200x1200 จุดต่อตารางนิ้ว สำหรับผู้ที่ใช้งานปกติ ตรงนี้ไม่ใช่ว่าความละเอียดต่ำกว่านี้จะไม่ดีนะครับ แต่เพื่อการทำงานในอนาคตและราคาก็แตกต่างกัน เล็กน้อย สำหรับผู้ที่ทำงานกราฟิก ออกแบบน่าจะเลือกความละเอียดประมาณ 4,800 x 1,200 จุดต่อตารางนิ้ว ขนาดช่องใส่กระดาษก็ปกติ A4 หากมีทุนหน่อยก็ เลือกเครื่องที่ใส่กระดาษขนาด A3 ได้ไปเลย ส่วนช่องพอร์ตจะมีตั้งแต่ Parallel, USB 1.1/2.0 ให้เลือกที่เป็น USB ครับเพราะการรับส่งข้อมูลจะเร็วกว่า แบบParallel เรื่องราคาอยู่ที่ความพอใจเลยครับ ราคาถูกประสิทธิภาพการทำงานต่างก็ลดลงเช่นกัน ถ้าต้องการเครื่องที่มีประสิทธิภาพ ในการทำงานสูงก็ลง ทุนหน่อยนะครับ สำปัจจุบันนี้เครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ แบบ Inkjet สามารถจะพิมพ์รูปภาพจากกล้องดิจิตอลโดยตรงได้โดยที่ไม่ต้องเชื่อมต่อกับ เครื่องคอมพิวเตอร์ หรือ สามารถอ่านสื่อบันทึกข้อมูลแบบ Memory Stick, MulitMedia Card(MMC), Secure Disk(SD), CompactFlash (CF) และ XD เหมาะสำหรับ หรับผู้ใช้ที่มีกล้องดิจิตอลอยู่แล้วต้องการเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ที่สามารถพิมพ์ภาพได้ บางรุ่นก็มีหน้าจอบนตัวเครื่องทำให้สามารถเลือกดูภาพจากตัวเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ได้ก่อนที่จะพิมพ์ บางรุ่นก็ไม่มีแต่ก็สามารถดูภาพที่ตัวกล้องแทนได้ ในส่วนกระดาษที่ใช้ถ้าเป็นการพิมพ์เอกสารธรรมดาประเภท Word, Excel ควรจะใช้ กระดาษที่ใช้ควรจะเป็นกระดาษที่มีความหนา 80 แกรมขึ้นไปครับ เพราะความหนาของกระดาษจะช่วยให้ตัวอักษรที่พิมพ์ออกมาอีกความคมชัดด้วย ถ้าเป็นการ พิมพ์รูปภาพ ควรจะใช้กระดาษโฟโต้เหมาะที่สุดครับ คุณภาพในด้านสีและความละเอียดที่ออกมาจะทำให้สามารถแสดงสีได้ไม่ผิดเพี้ยน มากเกินไป

พอร์ตการเชื่อมแบบ PicBridge สำหรับเชื่อมต่อโดยตรงกับกล้องดิจิตอล และสั่งพิมพ์รูปภาพได้ทันที
Card Reader ที่ติดตั้งมาบนตัวเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ทำให้เพิ่มความสะดวกในการทำงานยิ่งขึ้น

เครื่องอิงค์เจ็ตพริ้นเตอร์บางรุ่นยังสามารถพิมพ์รูปภาพลงบนแผ่น CD หรือ DVD ได้อีกด้วย

เครื่อง อิงค์เจ็ตพริ้นเตอร์ในปัจจุบันมีความสามารถที่แตกกต่างกันมากมาย ทางด้านผู้ผลิตที่คิดค้น และค้นคว้าจุดเด่น หรือข้อดีของแต่ละผลิตภัณฑ์ขึ้นมาแข่งขันกัน ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการอ่านสื่อบันทึกข้อมุลต่างๆ ได้ เช่น Compact Flash, MultiMedia Card, Secure Disk, XD Card, Memory Stick ในแบบต่างๆ และการติดตั้งพอร์ตเชื่อมต่อแบบ PicBridge หรือบางผู้ผลิตเรียกว่า Print Direct ก็ยังสามารถช่วยให้การใช้งานนั้นง่ายยิ่งขึ้น เพียงแต่ผู้ใช้มีกล้องดิจิตอลที่รองรับเทคโนโลยี PicBridge และเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ที่รองรับเทคโนโลยีนี้เหมือนกัน เท่านี้ก็สามารถใช้งานสั่งพิมพ์รูปภาพผ่านทางกล้องดิจิตอลได้แล้วครับ ในส่วนความสามารถในการพิมพ์รูปภาพหรือข้อความลงบนแผ่น CD หรือ DVD นั้นกำลังเริ่มนิยมขึ้นเรื่อยๆ ครับ หลายๆ ผู้ผลิตก็ทยอยออกสินค้ารุ่นใหม่ๆ ของตนที่มีความสามารถในการพิมพ์รูปภาพ หรือข้อความลงบนแผ่น CD หรือ DVD ได้ออกมา สำหรับโปรแกรมที่ใช้งานกับเครื่องอิงค์เจ็ตพริ้นเตอร์นั้น แต่ละผู้ผลิตก็ได้พัฒนา Software ของตนขึ้นมาเพื่อรองรับการทำงาน และประสานการทำงานระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ ผู้ใช้ และเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ให้สามรถใช้งานได้อย่างง่ายดาย

เครื่อง เลเซอร์พริ้นเตอร์ (Laser Printer) เหมาะสมกับการใช้งานร่วมกันในผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการความละเอียด สำนักงานขนาดเล็ก ไปจนถึงขนาดใหญ่ที่มี งานเอกสารปริมาณที่มาก

เครื่อง เลเซอร์พริ้นเตอร์ (Laser Printer) นับว่ามีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยในตลาดบ้านเราเมื่อเทียบกับการทำงานทั่ว ไปของพริ้นเตอร์ประเภทนี้กับ เครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ประเภท Inkjet จุดแตกต่างที่เห็นกันอย่างชัดเจนคงต้องเป็นในเรื่องของปริมาณการพิมพ์ที่ พริ้นเตอร์ประเภทเลเซอร์ สามารถพิมพ์ได้จำนวน มากกว่า ใส่กระดาษได้มาก รวดเร็วกว่าในการพิมพ์ในจำนวนมากๆ มีความคมชัดสูงทั้งพิมพ์สี ขาวดำและยังสามารถแชร์การทำงานกับผู้ใช้หลายคนได้อย่างมี ประสิทธิภาพมากกว่าประเภทอื่น ในปัจจุบันนี้เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์พริ้นเตอร์ได้มีการนำออกมาวางจำหน่าย กันมากมายหลายรุ่น โดยในแต่ละรุ่นก็จะมี ประสิทธิภาพและฟังก์ชันในการทำงานที่แตกต่างกันไป ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้ซื้อสามารถเลือกซื้อเลเซอร์พริ้นเตอร์ที่เหมาะสมกับ ลักษณะงานและปริมาณงานในองค์กร ของตนให้มากที่สุด ส่วนในเรื่องของราคานั้นอาจจะมีราคาสูงนิดหน่อย แต่ก็คุ้มค่าครับ กับประสิทธิภาพที่ดีกว่ามีความยืดหยุ่นในการทำงานสูง ส่วนในการเลือก ซื้อควรดูที่ฟังก์ชันการทำงานเป็นหลักว่าเหมาะสมกับงานของเราหรือเปล่า ถ้ามีฟังก์ชันมากก็จะทำให้ผู้ใช้สะดวกมากขึ้น สำหรับในการทำงานร่วมกันหลายคน

เครื่องเลเซอร์พริ้นเตอร์ยัง สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ เครื่องเลเซอร์พริ้นเตอร์ขาว-ดำ (Monochome Laser Printer) และเครื่องเลเซอร์พริ้นเตอร์สี (Color Laser Printer)

Brother HL-5150D
Epson AcuLaser C3000N
HP Color LaserJet 2550L
Fuji Xerox DocuPrint C525A
Konica Minolta PagePro 1300W

ใน ด้านความละเอียดของตัวเครื่องก็ดูที่ความเหมาะสมกับงาน แนะนำว่าพริ้นเตอร์เลเซอร์เหมาะมากครับสำหรับการใช้งานในสำนักงาน ดูจะไม่ เหมาะเท่าไรนักถ้าจะซื้อมาใช้งานส่วนตัวเพราะโดยส่วนใหญ่แล้วเครื่องประเภท นี้เน้นสนับสนุนระบบเน็ทเวิร์กเป็นหลักครับ Laser พริ้นเตอร์ก็ยังไม่ทั้งขาว-ดำ และสี ในด้านความละเอียดของเครื่อง Laser มีความละเอียดทั้งแต่ 600 x 600 จุดต่อตารางนิ้ว ไปจนถึง 1,200 x 1,200 จุดต่อตารางนิ้ว ความเร็วในการ พิมพ์ก็มีส่วนสำคัญครับ ความเร็วในการพิมพ์ของเครื่อง Laser ก็สามารถพิมพ์ในโหมดขาว - ดำได้ตั้งแต่ 10 แผ่นต่อนาทีขึ้นไป ส่วนโหมดสีตั้งแต่ 6 แผ่นต่อ นาทีขึ้นไป ต่อมาก็มาดูที่หน่วยความจำของเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ส่วนใหญ่ใน Laser พริ้นเตอร์จะติดตั้งหน่วยความจำตั้งแต่ 8 MB, 16 MB, 32 MB ไปจนถึง 96 MB แต่ก็สามารถเพิ่มเติมได้อีก ยิ่งมีหน่วยความจำมากเท่าไหร่ก็จะทำให้เครื่องพิมพ์สามารถประมวลผล และรับงานในปริมาณที่มาก ล้วพิมพ์งานออกมาได้ รวดเร็วขึ้น ลำดับต่อมาเป็นการเชื่อมต่อมีตั้งแต่ Parallel, USB 1.1/2.0, Ethernet ในส่วนนี้แล้วแต่ผู้ใช้ครับ แต่ขอแนะนำให้เลือกใช้ที่เป็นการเชื่อมต่อแบบ USB 1.1/2.0 ดีกว่าครับ เพราะจะทำให้การส่งข้อมูลมีความรวดเร็วกว่าแบบอื่น และถ้าต้องการใช้งานในระบบเครือข่าย (LAN) ขั้นก็ควรจะมีพอร์ตเชื่อมต่อแบบ Ethernet 10/100 Base-T/TX ด้วยครับ แต่เราจะใช้การเชื่อมต่อแบบ USB 1.1/2.0 เพื่อให้เครื่องเลเซอร์พริ้นเตอร์ของเราเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องหึง แล้วทำงานแชร์ทรัพยากรเครื่อง ให้เครื่องลูกข่าย (Client) ให้สามารถใช้งานเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ตัวนั้นก็ได้ครับ ซึ่งมีข้อเสียคือในการทำงานจำเป็นทีจะต้องเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ไว้ตลอดเวลา จึงจะสามารถสั่งพิมพ์งานได้ แต่ถ้าเป็นการเชื่อมต่อแบบEthernet ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องนำเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ มาเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่สามารถนำเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ เครื่องที่มีมาตรฐานการเชื่อมต่อแบบ Ethernet นั้นไปเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายด้วยสาย LAN ได้ทันที เสมือนการทำงานว่าเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ เครื่องนั้นเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งนั่นเองครับ ในการทำงานก็สามารถสั่งพิมพ์งานได้ทันที สะดวกและรวดเร็วประหยัดพลังงานมากกว่าแบบแรกครับ

โทนเนอร์ก็มี ส่วนสำคัญครับ ถ้าราคาโทนเนอร์แพงก็ไม่คุ้มค่าที่จะใช้งานต้องระมัดระวังในส่วนนี้ด้วย กระดาษที่ใช้กับเครื่อง Laser สามารถใช้ กระดาษขนาด A4 บางรุ่นก็สามารถพิมพ์กระดาษขนาด A3 ได้ ส่วนถาดใส่กระดาษใน Laser บางรุ่นสามารถเพิ่มถาดกระดาษได้ เหมาะสำหรับงานที่มี ปริมาณเอกสารมาก ไม่ต้องกังวลว่าปริมาณกระดาษจะพอไหม ในส่วนการใช้งาน Laser พริ้นเตอร์แบบขาว- ดำเหมาะสำหรับผู้ใช้ที่เน้นงานเอกสารเป็นหลัก ไม่ต้องการพิมพ์รูปภาพ หรือข้อความที่เป็นสี ทำให้ได้ตัวอักษรที่คมชัดกว่าเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ Inkjet หลายเท่า ส่วน Laser พริ้นเตอร์แบบสีเหมาะสำหรับผู้ใช้ ที่เน้นงานด้านรูปภาพ แต่ก็มีงานด้านเอกสารด้วย

เครื่อง มัลติฟังก์ชัน (Multifunction) หรือ All-In-One (AIO) น้องใหม่ที่ออกมาพร้อมอุปกรณ์ทำงานที่ครบเครื่องทั้ง พิมพ์ สแกน ก๊อปปี้ และส่งแฟกซ์ คุ้มค่ากับราคาที่น่าลอง

ก่อนอื่นเรามาเริ่มทำความ รู้จักกับอุปกรณ์นี้กันก่อน สำหรับเครื่องมัลติฟังก์ชันหรือออลอินวันจะเป็นการนำเอาความสามารถและ ฟังก์ชันการทำงานของ อุปกรณ์ต่อพ่วงหลัก ๆ มารวมเข้าไว้ด้วยกันอย่างครบชุด ซึ่งประกอบไปด้วย เครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ เครื่องสแกนเนอร์ เครื่องถ่ายเอกสาร และเครื่องแฟกซ์ แต่สำหรับ เครื่องมัลติฟังก์ชั่นในบางรุ่นอาจจะไม่ได้รวมเอาเครื่องแฟกซ์มาด้วยก็ได้ แต่หลัก ๆ อย่างไรก็สามารถพิมพ์งาน สแกน และถ่ายเอกสารได้ครับ

ส่วน การทำงานของเครื่องมัลติฟังก์ชันมีการพัฒนาในเรื่องของการทำงานให้มีการทำ งานร่วมกันได้อย่างเต็มที่มากขึ้น อย่างที่เราจะเห็นได้จาก ฟังก์ชันในการถ่ายเอกสารนั่นเองซึ่งจะเป็นการประสานงานในการทำงานร่วมกัน ระหว่างเครื่องสแกนเนอร์กับพริ้นเตอร์ นอกจากนี้ยังได้มีการเพิ่มฟังก์ชัน ในการสั่งงานบางอย่างที่จะช่วยให้การถ่ายเอกสารทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบมาก ขึ้นด้วย อย่างเช่น การย่อหรือขยายเอกสาร การทำสำเนา หรือจะเป็นการปรับ เลือกโหมดการถ่ายเอกสารสีหรือการถ่ายเอกสารขาว-ดำได้ เป็นต้น

ส่วน เครื่องมัลติฟังก์ชันที่มีแฟกซ์ในตัวเราจะสังเกตได้จากแผงควบคุมที่จะมีปุ่ม สำหรับกดเลขหมายโทรศัพท์ได้ครับ สำหรับกลุ่มผู้ใช้ที่เหมาะสำหรับ เครื่องมัลติฟังก์ชันนี้จะมีทั้ง กลุ่มธุรกิจองค์กรทั้งขนาดเล็กและขนาดกลาง โฮมออฟฟิศ และกลุ่มผู้ใช้งานตามบ้าน ซึ่งสำหรับกลุ่มผู้ใช้งานตามบ้านนั้นในตอนนี้ กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะทางผู้ผลิตทั้งหลายต่างก็ได้ส่งเครื่องมัลติฟังก์ชันราคาประหยัดลงมาทำ ตลาดกัน ซึ่งจะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ สี่พันกว่าบาทเท่านั้น และเมื่อลองเทียบกันกับการซื้อพริ้นเตอร์และสแกนเนอร์แบบแยกชิ้นแล้ว จะเห็นได้ว่ามีราคาต่างกันไม่มาก แต่เมื่อดูถึงจุดเด่นของ มัลติ ฟังก์ชันที่ประหยัดพื้นที่ในการติดตั้งกว่า และสามารถถ่ายเอกสารทั้งสีทั้งขาว-ดำได้แล้วถือว่าเป็นตัวเลือกใหม่ที่น่า สนใจทีเดียว

Brother MFC-620CN
Canon PIXMA IP780
Epson Stylus CX6500
HP Officejet 6210
Lexmark X7170

ใน การเลือกซื้อเครื่องมัลติฟังก์ชันเราจะอาศัยหลักการเลือกซื้อแบบแยกชิ้นอาจ จะไม่ได้ เพราะในการเลือกซื้อแบบแยกชิ้น อย่างการซื้อพริ้นเตอร์สัก เครื่องเราอาจจะพิจารณาจากความละเอียดในการพิมพ์เป็นอันดับต้น ๆ ก็ได้ แต่สำหรับการซื้อมัลติฟังก์ชันนั้นต่างกันเนื่องจากมัลติฟังก์ชันเป็น อุปกรณ์แบบ รวมชิ้น เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราคาดหวังว่าในการพิมพ ์ต้องมีความละเอียดเท่านี้ สแกนเนอร์ต้องสแกนงานได้ที่ความละเอียดเท่านี้นั้นเป็นเรื่องที่กำหนดได้ยาก ถ้าให้ดีเราควรเลือกซื้อตามความต้องการและความเหมาะสมในการใช้งานเป็นหลักดี กว่า

อย่างเช่นถ้าที่ออฟฟิศของคุณมีเครื่องแฟกซ์อยู่แล้วก็ควร เลือกซื้อเครื่องมัลติฟังก์ชันแบบที่ไม่มีแฟกซ์ในตัวมาใช้ ซึ่งราคาส่วนต่างระหว่างรุ่นที่มี แฟกซ์กับไม่มีแฟกซ์จะต่างกันค่อนข้างมากอยู่ ส่วนในเรื่องของความละเอียดในการพิมพ์และการสแกนงานนั้น ในการเลือกซื้อให้ขึ้นอยู่กับลักษณะของงานด้วย อย่างถ้ามีความจำเป็นต้องมีการใช้งานเกี่ยวกับด้านกราฟิกบ้าง เครื่องมัลติฟังก์ชันที่มีความละเอียดสูง ๆ ก็จะเหมาะสมกับงานแบบนี้มากกว่า หรือถ้าหากมีการใช้ งานการพิมพ์หรือการสแกนที่ต้องการความละเอียดสูงจริง ๆ หรือมีการใช้งานเป็นประจำ อันนี้ควรจะเลือกซื้อแบบแยกชิ้นไปเลยดีกว่า เพราะในการใช้งานแบบ เฉพาะเจาะจงนั้นอุปกรณ์แบบแยกชิ้นย่อมทำงานได้ดีกว่าเสมอ เราต้องอย่าลืมว่า เครื่องมัลติฟังก์ชันนั้นถูกออกแบบมาเพื่อช่วยอำนวยความสะดวก และเพื่อเพิ่ม ความคล่องตัวในการทำงานให้มากขึ้นครับ แต่ถ้าจะเลือกซื้อมัลติฟังก์ชันความละเอียดมีตั้งแต่ 600 x 600 จุดต่อตารางนิ้ว, 1200 x 1200 ตารางนิ้ว ความ สามารถในการพิมพ์ขาว-ดำ 12 แผ่นต่อนาทีขึ้นไป พิมพ์สี 10 แผ่นต่อนาทีขึ้นไป ส่วนความละเอียดในการสแกนตั้งแต่ 600 x 1200 จุดต่อตารางนิ้ว ยิ่งมากยิ่ง สแกนได้ความละเอียดสูงครับ จำนวนบิตสีก็สำคัญส่วนใหญจะประมาณ 48 บิตสี บางรุ่นยังสามารถสแกนแล้วย่อ – ขยายได้ตั้งแต่ 25% - 400% ในส่วนนี้ เป็นส่วนเพิ่มเติมครับ หน่วยความจำในเครื่องมัลติฟังก์ชันก็สำคัญควรจะมีประมาณ 16 MB ขึ้นไปครับ จะได้ช่วยประมวลผลในการพิมพ์ได้เร็วขึ้น การเชื่อม ต่อสามารถเลือกได้ว่าต้องการแบบใด Parallel, USB 1.1/2.0, FireWire และ Ethernet ขอแนะนำให้ใช้ USB 1.1/2.0 เพราะราคาไม่สูงมากนัก แต่ถ้า ต้องการความเร็วในส่งข้อมูลที่สูงขึ้นแนะนำ FireWire ครับ ฟังก์ชันในการใช้งานในตอนนี้มัลติฟังก์ชันมีสามารถในการพิมพ์ภาพจากกล้อง ดิจิตอล หรือสื่อ บันทึกข้อมูล Memory Stick, MutiMedia Card(MMC), Secure Disk(SD), CompactFlash(CF) และ XD-Cart

สำหรับเครื่องมัลติ ฟังก์ชันในปัจจุบันนั้นมีการพัฒนาขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีในการพิมพ์ที่มีความละเอียดในการพิมพ์ที่สูงขึ้น สามารถพิมพ์รูปภาพได้สวยขึ้น ไม่แพ้เครื่องอิงค์เจ็ตพริ้นเตอร์, ในเรื่องของความสามารถในการพิมพ์ก็เช่นเดียวกันครับ เครื่องมัลติฟังก์ชันมีความเร็วในการพิมพ์ที่รวดเร็วยิ่งขึ้น สามารถพิมพ์ได้ไวขึ้น, ซอฟต์แวร์ที่ใช้กับเครื่องมัลติฟังก์ชันก็มีความง่ายต่อการใช้งานยิ่งขึ้น โดยจะมีโปรแกรมที่ช่วยเหลือในการพิมพ์ให้เป็นเรื่องง่ายขึ้ ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์งาน การสแกนรูปภาพ หรือการทำสำเนา และรวมทั้งการรับ-ส่งแฟกซ์ โดยที่การทำงานต่างๆ เหล่านี้สามารถควบคุมการทำงานได้ทั้งจากเครื่องคอมพิวเตอร์โดยผ่านทาง ซอฟต์แวร์ควบคุม หรือว่าจะเป็นการสั่งงานผ่านทางหน้าจอควบคุม และปุ่มควบคุมทางด้านบนของตัวเครื่อง, การทำงานของเครื่องมัลติฟังก์ชันก็มีมีความสามารถอื่นๆ เพิ่มเติมอีก ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์เอกสาร 2 หน้าอัตโนมัติโดยที่ไม่จำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์เพิ่มเติม เพราะได้ติดตั้งไว้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานกับตัวเครื่องแล้ว ซึ่งบางรุ่นก็ยังได้เพิ่มเติมความสามารถในการพิมพ์รูปภาพ หรือข้อความลงบนแผ่น CD หรือ DVD อีกด้วย

ประเภทของเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ สำหรับงานแต่ละประเภท
สำหรับงานพิมพ์เอกาสารธรรมดา ขาว-ดำที่ต้องการสำเนา
เครื่องดอตเมตริกซ์พริ้นเตอร์( Dot Matrix Printer)
สำหรับงานพิ์พ์เอกสารธรรมดาขาว-ดำ และสี รูปภาพ ภาพถ่าย
เครื่องอิงค์เจ็ทพริ้นเตอร์ (InkJet Printer)
สำหรับงานพิมพ์ที่ต้องการความรวดเร็ว คมชัด
เครื่องเลเซอร์พริ้นเตอร์ขาว-ดำ (Mono Laser Printer)
สำหรับงานพิมพ์ที่ต้องการความรวดเร็ว คมชัด และต้องการพิมพ์สี
เครื่องเลเซอร์พริ้นเตอร์สี (Color Laser Printer)
สำหรับงานพิมพ์ที่ต้องการพิมพ์เอกสารธรรมดาขาว-ดำ และสี พร้อมด้วยการสแกน ทำสำเนา และส่งแฟกซ์
เครื่องมัลติฟังก์ชัน (Multifunction Printer)
ที่มา: ฺBuycoms

ผู้มีส่วนร่วม